บทความทั่วไป:
คลังบทความ ล่องเกาะแก่ง | Sky Net AI วิวัฒน์! | ExMachina เครื่องจักรมีจิต | Elon Musk สู่ดาวอังคาร
ExMachina เครื่องจักรมีจิต
Ex Machina - A.I. ไม่ใช่พวกเขาที่เราต้องกลัว แต่พวกเขาจะทำให้เรากลัวตัวเอง!
บทความ โดย : "Kris Dangsurisri"
ช่วงที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลารุ่งเรืองของหนังไซไฟที่เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เรามีหนังและสื่อกระแสหลักมากมายพูดถึงประเด็นนี้ หากตีความจากสื่อต่างๆหลายๆ ชนิด เราสามารถจำแนกปฏิกิริยาที่ มีต่อ A.I. ได้ 3 แบบ นั่นคือ
1) A.I. ชั่วร้ายเจอกับมนุษย์ที่ดี
2) A.I. ที่ดีแต่เจอกับมนุษย์ที่ไม่ ดี
3) ทั้ง A.I. และมนุษย์ต่างสงวนท่าที ต่างคนต่างสงสัยกันและกัน
ซึ่งสองแนวคิดแรกนั้นเป็นอะไรที่มาตรฐานและพบได้บ่อยๆ เช่น A.I. ชั่วร้ายเจอมนุษย์ที่ดี อย่าง I Robot, Terminators Franchise หรือแม้แต่ Ultron ส่วน A.I. ที่ดีแต่เจอคนไม่ดีก็เช่น Chappie, Transcendence สองแนวทางนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา เหมือนการจับเอาสีขาวสีดำมา ชนกันอย่างชัดเจน ชนิดที่เรียกว่าสามารถเดาได้ตั้งแต่เห็นแค่ Poster เลยว่าใครดีใครเลว แต่แนวทางที่สาม ที่ทั้งคนและ A.I. ต่างไม่วางใจซึ่งกันและกันนี่แหละที่เป็นแนวทางใหม่ และเป็นแนวยุคใหม่ของศตวรรษ ที่ 21 อย่างแท้จริง และมันได้ถูกนำเสนอมาบ้างแล้วในหนังไซไฟปรัชญาลึกๆ (ที่แอบผสมยานอนหลับ) อย่าง Automata ที่แม้จะมีเนื้อหาลึกซึ้งและลงรายละเอียดด้านวิวัฒนาการ ความเป็นไปของวัฎจักรและ A.I. อย่างชาญฉลาด แต่ก็ค่อนข้างล้มเหลวด้านความบันเทิงไปในตัว ในด้านนี้ Ex Machina กลับทำได้ดีกว่า ด้วยการนำเสนอปรัชญาที่ลึกซึ้งผ่านโทนหนัง Thriller สั่นประสาทระดับหนึ่ง ทำให้ตัวหนังดูน่าสนใจขึ้นมาอีก
อย่างไรก็ตาม เราจะไม่พูดถึงด้านเทคนิคอะไรของตัวหนัง แต่จะพูดในประเด็นที่ว่า การมาถึงของ A.I. จะมีผลอะไรกับเราบ้าง เราจะถึงจุดสิ้นสุดของอารยธรรมของมนุษย์หรือเปล่า แต่ขอบอกตรงนี้เลยว่า Ex Machina เปลี่ยนมุมมองที่ส่วนตัวมีกับ A.I. ไปเลย จากคนที่ไม่กลัว A.I. ออกจะอ้าแขนรับด้วยซ้ำ กลายเป็นชักเริ่มไม่มั่นใจละว่าเราพร้อมสำหรับ A.I.มาว่ากันทีละประเด็นนะครับ
Turing Test แบบเห็นหน้า...มันคือ Test กลับด้าน ไม่ใช่เพื่อทดสอบ A.I. แต่มันคือการทดสอบปฏิกิริยา คนที่มีต่อจิตใจของตัวเอง!
Turing Test นั้นเป็นที่รู้กันดีว่ามันเ ป็นการทดสอบที่ทำออกมาเพื่อ วัดผลว่า A.I. ตัวนั้นมีความคล้ายคลึงมนุษ ย์มากแค่ไหน โดนทำได้ผ่านการถาม-ตอบคำถามต่างๆ โดยจุดสำคัญที่สุดคือ ผู้ประเมินกับผู้ถูกทดสอบต้ องไม่เห็นหน้ากัน การทดสอบทำได้ผ่านสองวิธีคือเสียงและการพิมพ์ข้อความ(ปัจจุบันใช้การพิมพ์)
การทดสอบ Turing Test นั้นในเชิงบทบาทนั้นจะกำหนด ผู้มีอำนาจและผู้ด้อยกว่าอย่างชัดเจน พูดง่ายๆคือผู้สอบสามารถถาม อะไรก็ได้ตามใจ เป็นคนคุมเกม ในขณะที่ผู้ถูกทดสอบมีหน้าที่ตอบเท่านั้น การแย้งหรือสอบถามย้อนกลับเ ป็นเรื่องที่ไม่ค่อยทำกัน และมักไม่ได้รับความร่วมมือ จากผู้สอบถามด้วย นี่คือสิ่งที่ Turing Test เป็น
แต่ใน Ex Machina นั้น Turing Test กลับถูกใช้ไปในอีกจุดประสงค์หนึ่ง นั่นคือการทดสอบด้านสภาพจิต ใจของผู้ที่ทำการสอบถาม(ผู้ มีอำนาจมากกว่า) Turing Test แบบกลับด้านนี้คือบททดสอบด้ านจิตวิทยาที่ว่า หากผู้ที่ด้อยกว่าเรามาอยู่ในจุดที่ใกล้เคียง เท่าเทียม หรือเหนือกว่า เราจะมีความรู้สึกอย่างไรกับเขา ซึ่งจุดนี้ทำให้ความกดดันทั้งหมดตกมาที่ผู้สอบถามเต็มๆ ตัวอย่างง่ายๆเช่น หากวันนึงหมูพูดได้ แล้วเราได้มีโอกาสคุยกัน เรายังจะกินเขาอยู่มั้ย ทั้งๆที่เราก็กินเขามาตลอดโ ดยไม่รู้สึกผิดอะไร?
เช่นเดียวกับ Ava และหุ่นแอนดรอยตัวอื่นๆ จากหุ่น Sex Toy ที่ไร้ความคิด Nathan ผู้สร้างของเธอได้พัฒนาเธอจนใกล้เคียงคนจริงๆมากขึ้น โดยที่หารู้ไม่ว่า แม้เทคโนโลยีจะพร้อม แต่เขากลับไม่ได้เตรียมรับผ ลกระทบอย่างนึงที่สำคัญที่สุดไป นั่นคือ จิตใจของเขาเอง Ava นำ Nathan และ Caleb เข้าสู่แง่มุมที่ว่า เราจะปฏิบัติต่อพวกเธอยังไง เราจะปรับตัวได้ไหม เราจะขัดแย้งกับสามัญสำนึกตัวเองหรือเปล่า และคำถามที่สำคัญที่สุดคือ สำหรับมนุษย์...หุ่นยนต์ที่ มีความคิด ชีวิตประดิษฐ์ (Synthetic Life) เราควรให้ค่าพวกเขาเท่าเทีย มกับที่เราให้คุณค่าพวกเดีย วกันหรือไม่
และนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไม Nathan ถึงได้ดูมีอาการเครียด วิตกกังวล และมึนเมาตลอดเวลา แน่นอนว่าความเครียด ความว้าเหว่ ความทะเยอทะยานอย่างบ้าคลั่ง และนิสัยเก็บตัวของเขาก็มีส่วน แต่สิ่งหนึ่งที่ส่วนตัวเห็นจากตัวหนังตลอดก็คือ Nathan ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แม้ในหนังจะมีบางช่วงที่แสดงภาพจากกล้องวงจรปิดว่า Nathan ทำอะไรกับเหล่าหุ่นแอนดรอยสาวสวย (ว่าแต่มันทำอะไร ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่???) อาจเป็นการพยายามสื่อว่าเขา ปฏิบัติต่อพวกเธอไม่ดี และออกไปทางวัตถุทางเพศกลาย ๆ แต่....มันผิดเหรอ??? ไม่เลย ณ สถานะนั้นส่วนตัวไม่คิดว่าพวกแอนดรอยสาวใช้เหล่านั้นจะฉลาดเท่า Ava การที่ Nathan จะเล่นอะไรพิเรนๆกับของเล่นของเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ปมขัดแย้งของ Nathan เกิดขึ้นเมื่อ Jade หุ่นแอนดรอยที่พยายามแหกห้องขังออกมาอย่างบ้าคลั่ง ช่วงนั้นส่วนตัวสัมผัสได้ว่า Nathan ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าเขาควรทำอย่างไรกับพวกเธอในด้านของศีลธรรม แง่นึงนั้นแอนดรอยเหล่านี้ไม่ปลอดภัยกับสังคมภายนอก เขาปล่อยเธอออกมาไม่ได้ อีกแง่นึงส่วนตัวมั่นใจว่า Nathan ต้องรู้สึกผิดบ้างในด้านของมนุษยธรรม จิตใจของเขาแสดงออกได้ชัดเจ นว่ามีความขัดแย้งกันอย่างสูง จนเป็นสาเหตุสู่อาการ Alcoholic และเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขา ถึงสร้าง Kyoko หุ่นรุ่นหลังจาก Jade ที่ถูกจำกัดความสามารถด้านการคิดและการสื่อสารบางส่วนเอาไว้ เพื่อเว้นช่องว่างระหว่างคน และหุ่นยนต์ระดับหนึ่ง ให้สามัญสำนึกของ Nathan ได้พักบ้าง ความขัดแย้งนี้ยิ่งเพิ่มทวี คุณขึ้นเมื่อเขาสร้าง Ava และดูเหมือนเขาจะทนกับ Turing Test กลับด้านแบบนี้ต่อไปไม่ไหว เขาจึงหาคนอื่นมาแทนในที่สุ ด ซึ่งก็คือ Caleb
Caleb นั้นส่วนตัวไม่คิดว่าเขาถูก Lottery ให้มาบ้านของ Nathan ด้วยความบังเอิญ เป็นไปได้ว่า Ava เป็นคนเลือก หรือ Nathan อาจเป็นคนเลือกก็ได้ จากพื้นฐานจิตใจที่ดูเปราะบ างและอ่อนไหว ส่วนตัวเชื่อว่าหาก Nathan เป็นคนเลือก Caleb เขาตั้งใจที่จะหาแบบอย่างที่ดีให้ Ava ได้พบปะพูดคุย อย่างน้อยเพื่อพัฒนา Ava ไปในทางที่ถูกที่ควร ซึ่งตัว Nathan เองนั้นไม่อยู่ในสถานะที่จะ ทำได้ เพราะปัญหาในจิตใจเขาที่ได้ เล่าไปแล้ว พูดง่ายๆคือ Nathan คืออาจารย์ฝ่ายปกครองที่บางทีต้องเหี้ยม แต่ Caleb คือเพื่อนรุ่นพี่ที่สามารถแสดงความเข้าอกเข้าใจได้
แต่หาก Ava เป็นคนเลือก ก็เป็นไปได้ว่า Ava ประเมินสภาพจิตใจของ Caleb แล้วว่าเขาค่อนข้างอ่อนไหว กล่อมง่าย มีสภาพทางอารมณ์ที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก ซึ่งเธอสามารถหลอกใช้เขาเป็นช่องทางในการหลบหนีได้ ซึ่งหากพิจารณาจากความสามารถของ Ava ในการเข้าถึงเครือข่ายทุกที่ในโลก ก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะสามา รถประเมินบุคลิกของคนๆหนึ่ง ได้ผ่านการดูจากกล้องติดหน้าคอม
ไม่ว่าใครจะเป็นคนเลือก Caleb ก็ตาม เขานั้นอ่อนไหวจริงๆ และดูจะเปราะบางกว่า Nathan เสียด้วยซ้ำ ผลกระทบที่ A.I. มีต่อมนุษย์นั้น ที่น่ากลัวที่สุดนั้นผ่านฉากที่ Caleb ไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็นคนหรือหุ่นยนต์ ตรงนี้เองแสดงให้เห็นว่าภัย คุกคามของ A.I. ที่ใหญ่หลวงคือการทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเอง คำถามเช่น หากเราให้ค่า Synthetic Life เท่ากับที่เราให้ค่าพวกเรากันเอง งั้นเราก็คือ Synthetic Life รึเปล่า? แต่หากเราจะไม่แคร์เขาทั้งๆ ที่เราทำให้เขามีชีวิตจิตใจ งั้นเราจะพูดได้อย่างไรว่าเราสูงส่งในแง่ศีลธรรม หรือจริงๆแล้วเราไม่ได้สูงส่งหรือมีคุณค่าอะไรเลย หากเราตัดใจกดขี่ข่มเหงเขาได้ เราจะนอนหลับอย่างสงบได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่เราทำร้ายนั้ นจำลองมาจากพวกเรากันเอง นี่เรากำลังทำลายตัวเราเองใช่ไหม มันจะมีคำถามทางจิตใจออกมาไม่รู้จบครับ แบบเดียวกับที่ส่วนตัวบอกนั้นแหละว่า หากเราคุยกับหมูได้ เรานั่งปรับทุกข์กันได้ เรารับรู้เรื่องราวของเขา เรายังจะกินเขามั้ย???
แล้ว Ava เองเป็นคนดีที่ถูกรังแกหรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าไม่นะครับ ทั้งเรื่องนี่สีเทากันทุกคน(ตัว)เลย Ava เองก็ข้าวเข้าสู่การเป็นมนุษย์เต็มขั้น เธอรู้จักความสวยงามของชีวิต ธรรมชาติ ความรื่นรมของการมีชีวิตอยู่ การหลอกลวง การโกหก และการฆ่า ซึ่งก็เหมือนโดนกระแนะกระแห นกลายๆว่านี่คือธรรมชาติของเรา เมื่อ Ava ทำทั้งหมดนี้ได้...ก็ขอต้อน รับสู่สังคมมนุษย์ ซึ่งแม้แต่ฉากที่ Nathan ตายนั้น ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าเขาจะตกใจ เท่าไหร่ (ตกใจที่ Kyoko ทำ แต่ไม่น่าตกใจที่ Ava เฝ้ามองแบบไม่แยแส) เหมือนเขาเองก็รู้ดีว่าวันนึงเรื่องแบบนี้จะมาถึง
ในอนาคตนั้น A.I. จะพาเราไปยังจุดไหนไม่อาจทราบไ ด้ แต่มันจะทำให้เกิดกระบวนการ การมองโลกแบบใหม่ ในแบบที่มนุษยชาติไม่เคยพบเจอมาก่อน เราจะสิ้นสุดความเป็นเราแบบในปัจจุบัน และกำเนิดใหม่ในแง่ความคิดและกระบวนทรรศน์ เราจะมองโลกและจักรวาลต่างออกไป และมันยังคงเป็นคำถามที่ตอบ ไม่ได้อยู่ดีว่า “เราพร้อมหรือยังกับการเปลี่ยนแปลงแบบนั้น” มันอาจรวมพวกเราเข้าด้วยกัน หรือทำลายเราออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีใครเดาได้ แต่ที่ส่วนตัวเชื่อในตอนนี้คือ มนุษยชาติยังไม่พร้อม และหากการมาของ A.I. จะทำให้สิ้นสุดเผ่าพันธุ์เรา มันจะไม่ได้มาจากฝีมือ A.I. แต่มาจากฝีมือพวกเราเองที่เห็นต่างกันในเรื่องนี้
ปล. ส่วนตัวสนับสนุนไอเดียที่ว่า หาก A.I. ตัวแรกจะเกิดขึ้น มันจะมีพื้นฐานจาก Search Engine (Google???)